ประวัติหน่วยงาน

ประสบการณ์และประวัติความเป็นมา กลุ่มบ้านหม้อสมุนไพร จัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 18 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2548 โดยนายสราวุธ อินทะเดช ซึ่งเป็นพนักงานขายเคมีภัณฑ์ และนักศึกษาภาควิชาพฤกษาศาสตร์และการแพทย์แผนประยุกต์ พบว่าสมุนไพรและภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นที่นิยมโดยทั่วไป แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ส่วนของอีสานตอนบนยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร คนในชุมชนยังไม่รู้ประโยชน์ของสมุนไพร และภูมิปัญญาชาวบ้าน อีกทั้งหน่วยราชการเองยังขาดการสนับสนุน ทั้งความรู้ เครื่องมือ และบุคลากร จึงเป็นการยากที่คนในชุมชนจะเข้าใจ นายสราวุธ อินทะเดช จึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลบิดามารดา ด้วยอีกทางหนึ่ง และจัดตั้งกลุ่มโดยใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมด และค้นคว้าเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์สูงสุดของทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่
นอกจากนี้ยังหากระบวนการแปรรูปทางการเกษตรที่มีราคาต่ำให้มีมูลค่าสูงขึ้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการถูกกดขี่จากนายทุน สรรหากระบวนการสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยภูมิปัญญาไทย เพื่อสืบสานภูมิปัญญาชาวบ้าน และเป็นการตอบสนองนโยบาย “รักบ้านเกิด” ของรัฐบาลอีกด้วย
ในปัจจุบันผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าค่อยข้างต่ำ สาเหตุมีหลายปัจจัย ทั้งพ่อค้าคนกลาง การไม่พัฒนาตัวเองของเกษตรกรเอง หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ไม่เอื้ออำนวย การให้การศึกษาหรือข้อมูลใดๆ ยังไม่ทั่วถึง จึงทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรมีน้อย แหล่งวัตถุดิบเองก็เช่นกัน จากที่เคยปลูกไว้บ้างในเขตพื้นที่บ้าน ก็ตัดทำลายทิ้ง เพราะไม่เห็นประโยชน์หนทางที่จะทำให้คนในชุมชนหันกลับมาปลูกไว้บ้าง ไม่ต้องเสียเวลาดูแลมากใช้เวลาเท่าเดิม ในการดำเนินชีวิต แต่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว คือ การแปรรูป ผลผลิตเหล่านี้ให้มีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น ผลผลิตการเกษตรไม้ล้นตลาด ไม่เน่าเสีย เกษตรกรหลุดพ้นจากสภาวะการขาดทุน และการถูกเอารัดเอาเปรียบเชิงการตลาด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นตามลำดับ
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นยานำเข้าหรือเป็นยาที่ผลิตในประเทศไทย ล้วนเป็นสารเคมีที่สังเคราะห์ และนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น จึงทำให้ยามีราคาแพงและประเทศขาดดุลการค้า การรักษาพยาบาลก็มีต้นทุนสูงเช่นกัน ยิ่งคนในปัจจุบัน รักสุขภาพน้อยลงทำให้ป่วยมากขึ้น จึงต้องสั่งนำเข้าทั้งยาและสารเคมีมากขึ้น
สมุนไพรไทยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทางภาครัฐควรให้ความสนใจและให้การสนับสนุน การใช้ยาสมุนไพรที่ถูกต้องควรควบคู่กับทั้งแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน
การผลิตยาแผนไทยที่ได้มาตรฐานถูกต้องตามตำรับยาแผนไทย และให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการผลิตยาแผนไทยจำเป็นต้องมีเภสัชกรแผนโบราณหรือแผนปัจจุบัน หรืออาจจะเป็นแพทย์ปัจจุบันหรือแพทย์แผนโบราณ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อควบคุมการผลิตสมุนไพรพื้นบ้านเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ทั้งเยาวชนและคนในชุมชนก็มองข้ามประโยชน์ ซึ่งจริงๆแล้ว สมุนไพรเองก็สามารถใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านได้เทียบเท่ากับยา แผนปัจจุบัน เป็นการช่วยการลดดุลการค้าและลดค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวอีกด้วย